มิติสังคม
นโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน (Corporate Social Responsibility)
บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ มีนโยบายดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมโดยยึดตามปรัชญาในการดำเนินธุรกิจและจริยธรรมธุรกิจซึ่งได้หล่อหลอมเป็นวิถีแห่งการผลักดัน ขับเคลื่อน พัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยถือมั่นเสมอมาว่าบริษัทเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และการเปลี่ยนแปลงของสังคมย่อมกระทบต่อบริษัท จึงถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะต้องร่วมกันพัฒนาทั้งธุรกิจของบริษัทและสังคมควบคู่กันไป โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อช่วยกันสร้างสรรค์สังคม รวมทั้งดูแลรักษา พัฒนา และอนุรักษ์สภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
การบริหารงานบุคคล
1. การวางแผนกำลังคน (Workforce Planning)
ในปี 2565 มีการบริหารกลยุทธ์การวางแผนอัตรากำลัง และปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและหน้าที่ของหน่วยงานเพื่อให้รองรับการเติบโตของกลุ่มบริษัท รวมถึงมีการปรับปรุงกระบวนการสรรหาเพื่อให้ได้บุคลากรที่สอดคล้องกับแผนการเติบโตทางธุรกิจของบริษัท นอกจากการวางแผนกำลังคนโดยการจ้างงานแล้ว บริษัทได้สนับสนุนโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ตามมาตรา 35 ประเภทจ้างเหมาบริการ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ดำเนินการจ้างงานคนพิการภายใต้โครงการดังกล่าว จำนวน 10 คน ในการงานสนับสนุนในหน่วยบริการสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ชุมชนใกล้บ้านผู้พิการ เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงเรียน/ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการ ศูนย์บริการคนพิการของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลทั่วประเทศ โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสให้คนพิการมีงานทำ เกิดรายได้เลี้ยงดูครอบครัว พร้อมกับยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น สามารถพึ่งพาตนเองได้และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
บริษัทมีกระบวนการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้สอดรับกับตำแหน่งงานในแต่ละระดับที่สามารถสนับสนุนแผนการเติบโตทางธุรกิจ บริษัทมีนโยบายจัดการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องให้กับพนักงานทุกระดับ เพื่อพัฒนาพนักงานตามความสามารถ (Competency) ที่พนักงานจำเป็นต้องมีในการฝึกอบรมของพนักงาน (Training Need) และหลักสูตรตามที่กฎหมายกำหนด อาทิ
1.หลักสูตรด้านการจัดการ
2.หลักสูตรด้านพฤติกรรมในการทำงาน
3.หลักสูตรด้านเทคนิคในการทำงานเฉพาะ
4.หลักสูตรด้านการเพิ่มผลผลิต
5.หลักสูตรด้านคุณภาพ
6.หลักสูตรด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ บริษัทได้จัดฝึกอบรมหลักสูตรที่สำคัญเพิ่มเติม ได้แก่
1.หลักสูตรเทคนิคการสอนงานอย่างถูกวิธีตามแนวทางการฝึกอบรมในอุตสาหกรรม (Master Trainer) จำนวน 2 รุ่นซึ่งหลักสูตรนี้ได้สร้างวิทยากรภายในจำนวน 15 คน เพื่อมาถ่ายทอดความรู้ให้กับพนักงานขององค์กร
2.หลักสูตรด้านการบริหารจัดการ อาทิ School of Management Course 300 Series, School of Business
3.หลักสูตรด้านการพัฒนาความรู้และทักษะให้สอดคล้องกับทิศทางและเป้าหมายธุรกิจ อาทิ การออกแบบและจัดทำ Course Outline ฝึกอบรมภายในองค์กรให้สอดคล้องกับการพัฒนาความรู้และทักษะตาม Training Road Map
ในปี 2565 บริษัทได้ดำเนินการจัดฝึกอบรมภายในให้กับพนักงาน จำนวน 114 หลักสูตร (192 ครั้ง) โดยมีจำนวนชั่วโมงอบรมหรือกิจกรรมพัฒนาความรู้เฉลี่ยของพนักงาน 22.02 ชั่วโมงต่อคนต่อปี จากเป้าหมาย 15 ชั่วโมงต่อคนต่อปี
นอกจากการจัดฝึกอบรมภายในบริษัท บริษัทได้ส่งเสริมพนักงานเข้ารับการฝึกอบรมภายนอกกับสถาบันต่างๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ใหม่ๆ ให้พนักงานนำมาใช้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการจัดให้พนักงานไปศึกษาดูงานกับบริษัทชั้นนำที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานด้านต่างๆ ทั้งในอุตสาหกรรมเดียวกันและต่างอุตสาหกรรม
ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการและพัฒนางานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งให้พนักงานเกิดความตระหนักและเห็นถึงความสำคัญในการดูแลตนเองและเพื่อนร่วมงานให้ทำงานอย่างปลอดภัยไม่เกิดอุบัติเหตุจากการทำงานผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ
1.กิจกรรมด้านความปลอดภัย
เช่น การรณรงค์ลดอุบัติเหตุจากการทำงาน (Zero Accident Campaign) โครงการจิตอาสาสร้างวินัยและวัฒนธรรมความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม (BBS) การตรวจสอบพื้นที่การปฏิบัติงาน (Safety Patrol) การเฝ้าระวังสุขภาพพนักงานอันเนื่องจากการสัมผัสปัจจัยเสี่ยงจากการทำงาน โดยมีคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน กำกับดูแล ตรวจสอบความปลอดภัย และเสนอแนะมาตรการ ในการปรับปรุงด้านความปลอดภัยในทุกพื้นที่ ภายใต้การสนับสนุนอย่างดีจากทุกหน่วยงาน
2.การฝึกอบรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
ในปี 2565 บริษัทมีการฝึกอบรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน จำนวน 40 หลักสูตร นอกจากนี้ ได้มีการทบทวนมาตรฐานการทำงานของทุกกิจกรรม เพื่อให้มั่นใจว่ามี ความทันสมัย ควบคุมอันตรายได้ และผู้ปฏิบัติงานสามารถปฏิบัติได้จริงตามที่กำหนดไว้
3.การฝึกอบรมป้องกันอัคคีภัยและกู้ภัยฉุกเฉิน
ในปี 2565 บริษัทได้จัดฝึกซ้อมสถานการณ์จำลองการตอบสนองเหตุฉุกเฉินในแต่ละพื้นที่ทั้งหมด 24 ครั้ง มีพนักงานในบริษัทได้รับการฝึกอบรมดับเพลิงขั้นต้นตามกฎหมายเท่ากับร้อยละ 70
จากการดำเนินงานกิจกรรมดังกล่าวส่งผลให้ ในปี 2565 บริษัทมีค่าอัตราความถี่การบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานต่อหนึ่งล้านชั่วโมงการทำงานเท่ากับ 0 ซึ่งเป็นค่าสถิติที่ดีมาก ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 สำหรับภาพรวมของกลุ่มเหล็กสหวิริยามีค่า LTIFR อยู่ที่ 1.49 เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเดิมอยู่ที่ 0.74 ซึ่งเป็นผลมาจากพนักงานของบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเหล็กสหวิริยา มีพนักงานบาดเจ็บ ถึงขั้นหยุดงาน โดยพนักงานที่บาดเจ็บได้รับการรักษาและสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติแล้ว ทั้งนี้ ผู้บริหารของ กลุ่มเหล็กสหวิริยายังคงสนับสนุนการรณรงค์ลดอุบัติเหตุในการทำงาน และการปลูกฝังให้พนักงานมีความตระหนัก ด้านความปลอดภัยในการทำงานอย่างจริงจัง และปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ค่าอัตราความถี่การบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานต่อหนึ่งล้านชั่วโมงการทำงานกลุ่มเหล็กสหวิริยา
LTIFR = (จำนวนรายที่บาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานหนึ่งวันขึ้นไป x 1,000,000) / ชั่วโมงการทำงานทั้งหมด *ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565
การค้าด้วยความเป็นธรรม
บริษัทตระหนักถึงการปฏิบัติต่อคู่แข่งขันทางการค้าอย่างเป็นธรรม โดยปฏิบัติตามข้อกฎหมายของภาครัฐ เช่น พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ 2542 ประกอบกับบริษัทจะไม่แสวงหาข้อมูลที่เป็นความลับของคู่แข่งทางการค้าด้วยวิธีที่ไม่สุจริตหรือไม่เหมาะสม และไม่ทำลายชื่อเสียงของคู่แข่งทางการค้าด้วยการกล่าวหาในทางร้าย รวมถึงร่วมกันดำเนินการผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมร่วมกัน
นอกจากนี้ บริษัทได้เป็นแกนนำของสมาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย โดยผู้บริหารของบริษัท ผู้บริหารของคู่แข่งทางการค้า และผู้บริหารของคู่ค้าได้เข้าร่วมเป็นกรรมการ โดยจัดประชุมและมีกิจกรรมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ มีการพบปะสังสรรค์กับผู้บริหารของคู่แข่งทางการค้า เพื่อกระชับและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ส่งเสริม และผลักดันนโยบายการค้าและการแข่งขันที่เป็นธรรมผ่านหน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้ง บริษัทเป็น แกนนำในการสร้างความร่วมมือกันของกลุ่มสมาคมผู้ผลิตเหล็กในประเทศรวม 9 สมาคม (เพิ่มความร่วมมือจากเดิมที่มี 7 สมาคม) ซึ่งมีสมาชิกรวมกัน 516 บริษัท เพื่อสร้างความเข้มแข็งของผู้ผลิตเหล็กในประเทศในการร่วมผลักดันนโยบายภาครัฐ โดยล่าสุดได้ผลักดันการแก้ไขและได้มีการบังคับใช้ พรบ. การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2562 ให้มีการเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยเรื่องการตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้า โดยมีผลบังคับใช้เมื่อเดือน พ.ย. 2563
รวมถึงผลักดันให้มีการจัดทำอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ทั้งประกาศกระทรวงพาณิชย์ และประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการดำเนินธุรกิจที่เป็นธรรมจากภายนอกประเทศมากยิ่งขึ้นให้กับอุตสาหกรรมเหล็ก รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม อีกทั้ง บริษัทได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมเป็นผู้บริหารใน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และผู้บริหารในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อผลักดันนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ เช่น สนับสนุนนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยร่วมผลักดันนโยบาย ในคณะกรรมการกำกับการขึ้นทะเบียนพัสดุที่ผลิตในประเทศ และการออกใบรับรองสินค้า Made in Thailand และพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมเหล็ก 4.0 ด้วย
การดำเนินงานกิจกรรมด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน
บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาสังคมและชุมชนตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยนำหลักการเศรษฐกิจพอเพียง โมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG มาบูรณาการให้เข้ากับ การดำเนินกิจกรรมขององค์กร เพื่อให้เกิดความสมดุลและประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เกิดคุณค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียและความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน บริษัทได้แบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย
1.การส่งเสริมความรู้ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยได้ดำเนินโครงการ SD School เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ให้กับพนักงานในเรื่อง การดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการประยุกต์ใช้แนวทางการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเข้าสู่ การดำเนินธุรกิจ
2.การพัฒนาทุนทางสังคม เพื่อมุ่งส่งเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคม พัฒนายกระดับทุนทางสังคมให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้าถึงอย่างเท่าเทียม โดยได้ดำเนินการประกอบด้วย
- การร่วมป้องกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ด้วยโครงการความร่วมมือ Save Bangsaphan โดยร่วมมือกับภาครัฐและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการร่วมป้องกันและแก้ปัญหา การสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกัน การสนับสนุนการสื่อสารเพื่อป้องกันภัย
- การสนับสนุนด้านกีฬา โดยร่วมสนับสนุนสโมสรฟุตบอลพีทีประจวบเอฟซี เพื่อส่งเสริมด้านกีฬาในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เยาวชนในการออกกำลังกาย
- ความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อส่งเสริมให้ผู้ด้อยโอกาสในสังคมได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีโอกาสในการพัฒนาศักยภาพอย่างเข้มแข็ง ด้วยการดำเนินโครงการเดิน-วิ่งการกุศลฅนเหล็กมินิมาราธอน และร่วมสนับสนุนมอบอุปกรณ์กีฬา-ทุนการศึกษาโครงการเติมสุขแก่น้องชายแดน
3.การพัฒนาชุมชน บริษัทมีความมุ่งหวังที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชนและสังคมในการดำเนินชีวิต จึงได้ร่วมพัฒนาชุมชนโดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งบริษัท พนักงาน ประชาชนในชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน ด้านการพัฒนาการศึกษา การส่งเสริมดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาอาชีพและรายได้ การร่วมดูแล ทำนุบำรุงศาสนาและวัฒนธรรม และได้ดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอำเภอบางสะพานให้ก้าวหน้าใน 3 มิติ คือ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยมีการดำเนินงาน